วันสบายๆสไตล์ปูปู้

วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2550

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลกับเทคโนโลยี (อ.มงคล)

1. พระราชกรณียกิจด้านสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสนพระทัยด้านการสื่อสารตั้งแต่ทรงพระเยาว์ "...ทรงทดลองต่อสายไฟพ่วงขนานกับลำโพงขยาย ของเครื่องรับวิทยุส่วนพระองค์ที่ผลิตจากประเทศสวีเดน ยี่ห้อ 'Centrum' จากห้องที่ประทับพระองค์ท่านไปยังห้องที่ประทับของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทั้งสองพระองค์ทรงพอพระทัยในบริการเสียงตามสายไม่น้อย..." (สุชาติ เผือกสกนธ์, วันสื่อสารแห่งชาติ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงอุทิศพระองค์ พระอัจฉริยะและพระอุตสาหะทั้งมวล เพื่อราษฎรในทุกภูมิภาค พระองค์ทรงมีดำริให้มีการพัฒนาด้านระบบวิทยุสื่อสารอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กล่าวคือสามารถรับส่งได้ไกลยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้จากการที่พระองค์ทรงใช้เครื่องมือสื่อสารพกติดพระองค์ เพื่อประกอบพระราชกรณียกิจต่างๆ อยู่เสมอ เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงขาดไม่ได้คือการสดับตรับฟังข่าวทุกข์สุขของประชาชน ดังเช่น ในระหว่างการเสด็จเยี่ยมราษฎรได้ทรงพบว่า มีผู้ใดที่กำลังป่วยเจ็บจำเป็นต้องบำบัดรักษา จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คณะแพทย์ผู้ตามเสด็จดูแลตรวจรักษาทันที ในบางรายที่มีอาการป่วยหนัก จำเป็นต้องส่งตัวเข้าบำบัดรักษาในโรงพยาบาลท้องถิ่นหรือโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานครโดยเร็ว หากมีเวลาเพียงพอ พระองค์ท่านจะรับสั่งผ่านทางวิทยุถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจตระเวนชายแดน ขอรับการสนับสนุนเรื่องการขนส่ง เช่น เฮลิคอปเตอร์ เพื่อนำผู้ป่วยเจ็บส่งยังที่หมายปลายทางด้วยพระองค์เอง นอกจากนี้ พระองค์ได้ทรงพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้นำระบบสื่อสารแบบถ่ายทอดสัญญาณหรือ Repeater ซึ่งเชื่อมต่อทางวงจรทางไกลขององค์การโทรศัพท์ฯ ให้มูลนิธิแพทย์อาสาฯ (พอ.สว.) นำไปใช้เพื่อช่วยเหลือรักษาพยาบาลแก่ผู้เจ็บป่วยในท้องถิ่นห่างไกล
ในเรื่องการปฏิบัติการฝนเทียมหรือฝนหลวงพระราชทาน ในการปฏิบัติระยะแรกๆ ได้ประสบปัญหาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่ไม่ทราบล่วงหน้า ซึ่งนักบินผู้ปฏิบัติจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำแก้ไขโดยฉับพลัน เนื่องจากยังไม่มีการติดต่อสื่อสารระหว่างผู้ปฏิบัติการด้วยกัน จึงเป็นเหตุให้ไม่ได้ผลเท่าที่ควร กล่าวคือฝนไม่ตกในเป้าหมายบ้าง ตกน้อย หรือไม่ตกตามที่คิดบ้าง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงสดับตรับฟังข่าวการปฏิบัติการฝนเทียมทุกครั้ง และทรงทราบถึงปัญหาสำคัญคือ การขาดการติดต่อสื่อสารที่ดี จึงโปรดเกล้าฯ ให้ติดตั้งวิทยุให้แก่หน่วยปฏิบัติการฝนเทียม ทั้งทางอากาศและทางภาคพื้นดิน
นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้ทำการศึกษาวิจัย รวมถึงการออกแบบและสร้างสายอากาศย่านความถี่สูงมาก หรือที่เรียกว่า VHF (วี.เอช.เอฟ) ขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ 3 ประการ
ประการแรก เพื่อที่จะได้ใช้งานกับวิทยุส่วนพระองค์ ทั้งนี้โดยมีพระราชประสงค์ที่จะให้ทราบเหตุการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสาธารณภัยที่เกิดขึ้นกับประชาชน เรื่องไฟไหม้ เรื่องน้ำท่วม ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อที่จะได้ทรงช่วยเหลือได้ทันท่วงที
ประการที่สอง เพื่อที่จะพระราชทานให้แก่หน่วยราชการต่างๆ
ประการที่สาม เพื่อส่งเสริมให้คนไทยที่มีความรู้ ความสามารถและตั้งใจจริง ได้ใช้ความอุตสาหวิริยะในการพัฒนาระบบวิทยุสื่อสารขึ้นใช้เองภายในประเทศ
นอกเหนือจากวิทยุสื่อสารแล้ว ในเรื่องของเทเล็กซ์พระองค์ทรงสนพระทัยอยู่ไม่น้อย และสิ่งหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่เคยทรงขาดคือ การพระราชทานพรปีใหม่ นอกจากจะทรงมีกระแสพระราชดำรัส พระราชทานพรปีใหม่แก่พสกนิกรไทยทางวิทยุและโทรทัศน์ทุกแห่งแล้ว พระองค์ท่านยังทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานพรทางเทเล็กซ์สม่ำเสมอทุกปี แต่ในปัจจุบันท่านทรงใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการประดิษฐ์บัตรอวยพรปีใหม่แทน
นอกจากนี้พระองค์ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสื่อสารว่า การสื่อสารเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจทุกประเภท, การสื่อสารเป็นหัวใจของความมั่นคงของประเทศ และการสื่อสารเป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งในการพัฒนาประเทศให้ประชาชนอยู่ดีกินดี


2. พระราชกรณียกิจด้านวิทยุกระจายเสียง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสนพระทัยในเรื่องวิทยุเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเยาว์ ซึ่งพระองค์ประทับอยู่ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พระองค์ได้ทรงซื้ออุปกรณ์เครื่องรับวิทยุ ซึ่งมีวางขายเลหลังราคาถูกทรงประกอบเป็นเครื่องรับวิทยุชนิดแร่ สามารถรับฟังวิทยุกระจายเสียงในยุโรปได้หลายแห่ง ต่อมาเมื่อกิจการวิทยุเจริญก้าวหน้ามากขึ้น ได้นำหลอดวิทยุมาใช้ในเครื่องรับ-ส่งวิทยุ และเครื่องขยายเสียง และพระองค์ท่านก็ได้ทรงทดลองอุปกรณ์แบบใหม่นี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินกลับมา ประทับอยู่ในประเทศไทยเป็นการถาวร ในปี พ.ศ. 2495 พระองค์ได้ทรงตั้งสถานีวิทยุ อ.ส. ขึ้นที่พระราชวังสวนดุสิต และชื่อสถานีวิทยุดังกล่าวได้ทรงนำมาจากอักษรย่อของพระที่นั่งอัมพรสถาน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ออกอากาศครั้งแรก ต่อมาจึงย้ายสถานีวิทยุ อ.ส. เข้าไปตั้งในบริเวณพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน
สถานีวิทยุ อ.ส. เมื่อแรกตั้งเป็นสถานีเล็กๆ มีเครื่องส่ง 2 เครื่อง ขนาดที่มีกำลังส่ง 100 วัตต์ ออกอากาศด้วยคลื่นสั้นและคลื่นยาวในระบบ AM พร้อมๆ กัน เครื่องส่งรุ่นแรกนี้เป็นเครื่องที่ กรมประชาสัมพันธ์ทูลเกล้าฯ ถวายและติดตั้งให้ด้วยเมื่อออกอากาศไปได้ระยะหนึ่ง และในระบบคลื่นสั้นก็มีจดหมายรายงานผลการรับฟัง เข้ามาจากหลายประเทศ เช่น นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา เยอรมันฯ เป็นต้น ดังนั้นจึงทรงโปรดเกล้าฯ ให้ขยายกำลังส่ง โดยมีชื่อรหัสสถานีว่า HS 1 AS ในปี พ.ศ. 2525 สถานีวิทยุ อ.ส. ได้เพิ่มการส่งกระจายเสียงในระบบ FM ขึ้นอีกระบบหนึ่ง ในการขยายด้านกำลังส่งนั้นอุปกรณ์ต่างๆ ล้วนแต่มีผู้โดยเสด็จพระราชกุศล เพื่อให้สถานีวิทยุ อ.ส. สามารถบริการประชาชนได้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น อาจถือได้ว่าเป็นสถานีวิทยุเอกชนเพียงแห่งเดียวที่สามารถกระจายเสียงคลื่นสั้นได้ ทั้งนี้เพราะถือว่าเป็นเครือข่ายกรมประชาสัมพันธ์
พระองค์ทรงมีวัตถุประสงค์ที่ทรงตั้งสถานีวิทยุ อ.ส. เพื่อเปิดโอกาสให้พสกนิกรมีช่องทางในการติดต่อกับพระองค์ได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนตามพิธีการเหมือนในสมัยก่อน ทรงใช้สถานีวิทยุเพื่อเป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์ติดต่อข่าวสารกับประชาชน และเป็นสื่อสัมพันธ์ระหว่างพระองค์และประชาราษฎร์ ที่ทรงแสดงให้ทราบถึงใจรักที่พระองค์ท่านพระราชทานให้กับประชาชนทั่วทุกคน

นอกเหนือจากเป็นสถานีวิทยุของสื่อมวลชนเพื่อการบันเทิง และเผยแพร่ความรู้กับประชาชนแล้ว ยังได้ทำหน้าที่แจ้งข่าวสารแก่ประชาชนในโอกาสสำคัญ หรือเกิดเหตุการณ์ที่สำคัญต่างๆ ขึ้น เช่น การเกิดโรคโปลีโอระบาดในปี พ.ศ. 2495 อหิวาตกโรคในปี พ.ศ. 2501 และเมื่อเกิดวาตภัยที่แหลมตะลุมพุกในปี พ.ศ. 2505 โดยมีพระราชดำริให้ใช้สถานีวิทยุ อ.ส. เพื่อทำหน้าที่เป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์กรรม จนเป็นบ่อเกิดของมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ซึ่งปัจจุบันมีคุณขวัญแก้ว วัชโรทัย ทำหน้าที่นายสถานี เล่าให้ฟังว่า นโยบายหลักเกี่ยวกับการบริหารงานของสถานี ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานไว้ก็คือ การเปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ ความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการหรือเอกชน ได้เข้ามาสนองพระมหากรุณาธิคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ของสถานีจึงเป็นอาสาสมัครทั้งสิ้น และทรงรับภาระต่างๆ ด้านสถานีด้วยทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ พระองค์ทรงใช้นโยบายประหยัดและใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่าที่สุด และในปัจจุบันนี้สถานีวิทยุ อ.ส. ยังคงกระจายเสียงเป็นประจำทุกวันเว้นวันจันทร์ โดยออกอากาศทั้งคลื่นสั้นและคลื่นยาว ในระบบ AM 1332 KHzและ FM 104 MHz ควบคู่กันไปด้วยกำลังส่ง 10 กิโลวัตต์ โดยออกอากาศวันอังคารถึงวันเสาร์ เวลา 10.30-12.00 และ 16.00-19.00 วันอาทิตย์ เวลา 9.00-12.00 หยุดทุกวันจันทร์


3. พระราชกรณียกิจด้านดาวเทียม
ดาวเทียมไทยคมนับว่า เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้การสื่อสารโทรคมนาคมของไทยก้าวสู่ยุคแห่งความล้ำหน้า และได้เข้ามามีส่วนร่วม ในการสนองพระราชดำริ ในเรื่องของการศึกษา คุณขวัญแก้ว วัชโรทัย เป็นผู้สนองพระราชภารกิจที่โรงเรียนไกลกังวล หัวหิน ซึ่งขณะนี้ได้พยายามที่จะนำเอาดาวเทียมไทยคม เข้าไปใช้ในกิจการด้านการเรียนการสอน เจตนารมณ์ดังกล่าว เป็นการสนองตอบความต้องการของประชาชน และเป็นการปรับปรุงในเรื่องของการศึกษาให้สอดคล้องกับยุคสมัยอีกด้วย อีกทั้งยังเป็นการจัดการศึกษาใต้ร่มพระบารมีอย่างแท้จริง และที่สำคัญเพื่อเป็นการสนองพระบรมราโชบายทางการศึกษา ในอันที่จะทำให้โรงเรียนไกลกังวลเป็นเครือข่ายและเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาไทยคมอย่างแท้จริง

กล่าวได้ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณเป็นอเนกอนันต์ต่อประเทศชาติ ที่ได้มีพระราชดำริ ให้มีการพัฒนางานทางระบบวิทยุสื่อสารขึ้นในประเทศอย่างจริงจัง และต่อเนื่อง เพราะสังคมปัจจุบันนั้น การสื่อสารก็เปรียบเสมือนกับระบบประสาทของร่างกายมนุษย์ ดังนั้นจึงนับได้ว่า พระองค์ท่านนั้นมีสายพระเนตรที่ยาวไกล ทรงเห็นบทบาทที่สำคัญยิ่งต่อการสื่อสาร

ที่มา http://www.prdnorth.in.th/The_King/king_it_01.php#link3

ไม่มีความคิดเห็น:

นวัตกรรมที่ผมสนใจ (อ.ชวน)


วิทยาลัยเทคนิคระยอง “แจ่ม” สร้างเครื่องล้างหอยแครง ชนะใจกรรมการคว้าดับเบิ้ลแชมป์การประกวดผลงานสิ่งประดิษฐ์คนรุ่นใหม่ทั่วประเทศ แจงล้างหอยแครงได้ 5 ก.ก.ต่อนาที ลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากคมเปลือกหอยในบรรดาสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ที่นำมาจัดแสดงในการประกวดสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ เทิดไท้ มหาราชันย์ ประจำปีการศึกษา 2548 ระหว่างวันที่ 1-4 ธ.ค. ณ ห้างเดอะมอลล์ บางกะปิ “เครื่องล้างหอยแครง” (Cockle Cleaning Machine) ของวิทยาลัยเทคนิคระยองมีความโดดเด่นอย่างหาตัวจับยาก โดยก่อนหน้านี้ได้รับรางวัลชนะเลิศระดับภาคตะวันออกและกรุงเทพมหานครสิ่งประดิษฐ์ประเภทกำหนดโจทย์ "เพื่อแก้ปัญหาความยากจนมาแล้ว"อย่างไรก็ดี ความเยี่ยมยอดของเครื่องล้างหอยแครงยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น หากแต่ยังสามารถชนะเลิศรางวัลการแข่งขันประเภทเดียวกันจากการชิงชัยทั่วประเทศ พร้อมกับรับรางวัลเกียรตินิยมสำหรับสิ่งประดิษฐ์ซึ่งคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิได้พิจารณาแล้วเห็นว่า สามารถนำไปใช้ได้ดีและมีประโยชน์ยิ่งพ่วงมาอีกรางวัลหนึ่ง โดยได้มีโอกาสเข้ารับประทานรางวัลจากพระหัตถ์พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เป็นที่เรียบร้อยแล้วภายในงานการประกวดฯ วานนี้ (3 ธ.ค.)ทั้งนี้ ทีมประดิษฐ์ประกอบด้วยนักเรียนระดับ ปวช. สาขาวิชาเครื่องมือกลและซ่อมบำรุง 5 คน ผนึกกำลังกับรุ่นพี่ ปวส.อีก 5 คน รวม 10 คน อันได้แก่ นายธานี ไตรลักษณ์ นายฤทธิไกร ระติพงษ์ นายวรรทิต จันทร์ทอง นายมนัส ทิพนาค นายลำดวน บุญประคม นายนันทิชา คำรอด นายมานิต งามเสงี่ยม นายสาโรจน์ ขันแข็ง นายเผด็จ แถมจรัส นายโอฬาร เจริญสุข และมีอาจารย์ที่ปรึกษาประกอบด้วยนายกฤษณ ทองคำ นายรักษ์ไทน์ พันกาฬสินธุ์ และนายศราวุฒิ จุ้ยช่วยเนื่องจากการล้างหอยแครงตามปกติมักเกิดปัญหาการได้รับอันตรายจากคมของเปลือกหอยแครงขณะที่ล้างทำความสะอาดเอาดินและโคลนที่ปะปนมาออกไป เครื่องล้างหอยแครงจึงเข้ามาช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยคุณสมบัติที่สามารถช่วยลดอันตรายจากการล้างเปลือกหอยด้วยมือ และเพื่อความสะดวกในการล้างหอยแครงโดยจะสามารถล้างได้คราวละมากๆ จึงทำให้ประหยัดเวลาล้างหอยแครงได้มาก แถมยังสามารถล้างหอยแครงได้สะอาดอย่างเห็นได้ชัดนายมานิต เผยว่า เครื่องล้างหอยแครงดังกล่าวสามารถได้ 5 ก.ก./ นาที นอกจากนั้นยังแยกท่อสำหรับใช้ได้ทั้งน้ำประปาหรือน้ำบาดาลเพื่อล้างหอยแครง รวมถึงยังได้ออกแบบฝาปิดเพื่อเก็บเสียงรบกวนจากการล้างหอยแครงอีกด้วย โดยสิ่งประดิษฐ์ที่ว่านี้มีต้นทุนการผลิตประมาณ 9,900 บาทและมีขนาดกว้าง 62 ซม. ยาว 76 ซม. และสูง 85 ซม.โดยมีน้ำหนัก 90 ก.ก.ส่วนเทคโนโลยีที่นำมาใช้ เขาเผยว่าได้แก่ หลักการการหมุนหนีศูนย์กลางและใช้แรงโน้มถ่วงในการพาหอยแครงไปล้างกับน้ำ โดยใช้กำลังจากมอเตอร์หมุนตะแกรงล้าง ซึ่งทำให้เกิดความสะอาดในการล้างได้อย่างรวดเร็ว ประหยัดเวลา และลดอันตรายจากเปลือกหอยดังที่กล่าวมาข้างต้น ทั้งนี้ทั้งนั้น มีผู้เสนอให้พวกเขาพัฒนาต่อไปให้เครื่องล้างหอยแครงสามารถลวกหอยให้พร้อมรับประทานได้ในเครื่องเดียว ซึ่งพวกเขาได้น้อมรับคำแนะนำดังกล่าวไว้ และจะทำเป็นงานวิจัยต่อไป ส่วนจะพัฒนาตามนั้นหรือไม่ต้องทำการศึกษาก่อนอย่างไรก็ตาม อาจารย์รักษ์ไทน์ กล่าวเสริมว่า เครื่องดังกล่าวยังเป็นเครื่องต้นแบบอยู่ โดยเกิดมาจากการทำโครงงานในการเรียนการสอนของสถาบัน ส่วนที่มีผู้ถามว่าจะต่อยอดในเชิงพาณิชย์หรือไม่ คิดว่าคงยัง อย่างไรก็ดี เครื่องล้างหอยแครงที่สร้างขึ้นก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี สังเกตจากมีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก“เครื่องล้างหอยแครง” จึงเป็นสิ่งประดิษฐ์ของคนรุ่นใหม่ใน พ.ศ. นี้ที่สามารถนำมาใช้งานได้อย่างแท้จริง ซึ่งหากใครได้มีโอกาสได้มาชมงานการประกวดสิ่งประดิษฐ์ในครั้งนี้ด้วยตัวเองแล้ว ก็จะยิ่งทำให้รู้ว่าสิ่งประดิษฐ์ “แจ่มๆ” โดยคนรุ่นใหม่ไทยยังมีอีกมากจนหน้ากระดาษในหนังสือพิมพ์เล่มใดๆ บันทึกกันไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียวงานประกวดสิ่งประดิษฐ์คนรุ่นใหม่ เทิดไท้ มหาราชันย์ฯ จัดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา บริษัทล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) บริษัทโปรเกรส อินฟอร์เมชั่น จำกัด บริษัทล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด และบริษัทเดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีนักประดิษฐ์รุ่นใหม่และสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักศึกษามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสามารถและสร้างสรรค์ผลงานตามรอยองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ “พระบิดาแห่งการประดิษฐ์ไทย” ในการพัฒนาสังคมและประเทศชาติต่อไป- - - - - -- - - - - - - - - -- - - - - -- - - - - -- ข่าวและภาพบางส่วน จาก : ผู้จัดการออนไลน์ 4 ธันวาคม 2548



เหตุผลที่สนในนวัตกรรมนี้ เพราะว่าการล้างหอยเครงด้วยมืออาจทำให้คมของหอยบาดมือ สะดวกรวดเร็ว ทั้งยังสามารนำเครื่องล้างหอยแครงมาใช้ในทางอุตสาหกรรมได้ในอนาคต